ทำกรรมแบบไหน ถึงต้องตก “ตาปนรก” — ขุมนรกแห่งเปลวไฟอันร้อนแรง!! ไม่บ่อยนักที่เราได้ยินคำว่า มหานรก ในยุคที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และน้อยคนจะมีความเชื่อในเรื่องของการสิ้นอายุขัยแล้วไปสู่ทางอบาย แต่หากมองแบบผิวเผิน “ส่วนใหญ่คงเคยได้ยินแต่คำว่าอเวจีมหานรก แต่ทว่าน้อยคนนักจะรู้จักกับคำว่ามหาตาปนรก ซึ่งเป็นหนึ่งในขุมนรกอันร้อนรุ่มและทรมานที่สุดแห่งหนึ่งในภพภูมิอบาย” บทความนี้จะพาทุกคนมาเปิดขุมมหาตาปนรก นรกที่แผดเผาทุกสรรพชีวิตที่ได้รับการลงทัณฑ์
ตาปนรก คืออะไร?
หนึ่งในนรกขุมล่างที่น่าหวาดกลัวเห็นทีจะหนีไม่พ้น ตาปนรก ซึ่งเป็นขุมนรกที่มีแต่ความเร่าร้อนอันเนื่องมาจากเปลวไฟจะแผดเผาร่างของสัตว์นรกอยู่ตลอดเวลา “โดยตาปนรก วันประตูนรกเปิด ว่าด้วยเรื่องของพระยายมราช
เป็นนรกที่อยู่ในขุมนรกเบื้องล่าง เชื่อกันว่าผู้คนที่ทำผิดได้แก่การฆ่าบิดามารดาครูบาอาจารย์ หรือทำร้ายพระสงฆ์และผู้ทรงศีล เมื่อสิ้นอายุขัยไปแล้วจะทำให้มาอยู่ในกลุ่มนรกตาปนรกแห่งนี้” ทั้งนี้ตาปนรก จะแตกต่างกับมหาตาปนรก ไม่มากนัก แต่มหาตาปนรกเป็นขุมนรกที่ลึกกว่าและใหญ่กว่ามากอีกด้วยครับ
ลักษณะของการลงโทษในตาปนรก
“สำหรับลักษณะการลงทัณฑ์ในตาปนรก ขุมนรกที่แผดเผาร่างของสรรพสัตว์ด้วยไฟตลอดเวลานั้นจะใช้การให้สัตว์นรกปีนขึ้นไปบนไปหลาวเหล็กแดงที่เชื่อกันว่าใหญ่เท่าลำของต้นตาล จากนั้นจะถูกนายนิรยบาล เจ้าหน้าที่ในตาปนรกใช้หลาวเหล็กขับไล่ เมื่อสัตว์นรกหนีไม่พ้นจึงเสียบตรึงเอาไว้จึงทำให้สัตว์นรกเหล่านั้นหนีจากเปลวไฟที่แผดเผาอยู่ไม่ได้สร้างความทุกข์ทรมานแก่พวกเขาเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ”
เมื่อเปลวเพลิงแห่งตาปนรก เผาไหม้สัตว์นรกจนหมดสิ้น เชื่อกันว่าเมื่อร่างกายของพวกสรรพสัตว์จะสุกจนพอง ทำให้กลิ่นได้ไปกระตุ้นสุนัขนรกมาฉีกกระชากร่างพวกเขาเหล่านั้นทั้งเป็น จนกระทั่งเหลือแต่เถ้ากระดูก ซึ่งสุนัขนรกเหล่านี้จะมีตัวใหญ่มากขนาดเท่าช้างและมีจำนวนมากอีกด้วยครับ โดยผู้ใดก็ตามที่สิ้นอายุขัยแล้วได้ลงไปยังขุมนรก ‘ตาปนรก’แห่งนี้ ทำให้ต้องเวียนวนรับโทษทัณฑ์ในขุมนรกแห่งนี้จนกว่าสัตว์นรกเหล่านั้นจะหมดกรรมได้นั่นเองครับ
กรรมใดส่งให้ตกตาปนรก
แต่เดิมเชื่อกันว่า การกระทำหรือ บาปจะส่งผลให้ไปยังตาปนรกได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าบิดามารดา หรือทำร้ายบุพการีผู้มีพระคุณ รวมไปถึงครูบาอาจารย์ หรือบุคคลผู้นั้นได้ไปทำร้ายผู้ทรงศีล พระสงฆ์ด้วยความโกรธแค้น หรือความเกลียดชัง ริษยาจะทำให้เมื่อตายแล้วไปอยู่ในขุมตาปนรกนั่นเองครับ
“นอกเหนือจากการฆ่าผู้มีพระคุณแล้วนั้น การลบหลู่พระพุทธศาสนาหรือได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเจตนา และการหลอกลวงผู้อื่นผ่านการต้มตุ๋น ลวงโลก หลอกลวง ก็ยังส่งผลให้มายังขุมนรกตาปนรกแห่งนี้เช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาเหล่านั้นตายแล้วในตาปนรกก็จะต้องกลับมาเกิดใหม่แล้วถูกโทษทัณฑ์ทรมานอย่างไม่จบสิ้น จนกว่าจะได้รับบุญ หรือหมดเวรหมดกรรมจากกรรมที่ก่อไว้ครับ”
จะหลีกเลี่ยงกรรมหนักได้อย่างไร?
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการหนักในตาปนรกแห่งนี้ บุคคลผู้นั้นสามารถทำได้ด้วยการหมั่นระลึกถึงบุญที่ตนเคยได้กระทำหรือหรือสำนึกผิดในการกระทำของตนเองได้นั่นเองครับ “ทั้งนี้ผู้เขียนแนะนำให้ศึกษาธรรมะเพื่อไม่ให้หลงผิดซ้ำ และควรสร้างคุณงามความดีด้วยตั้งด้วยตั้งมั่นในหลักศีลธรรม หรือนำเอาหลักขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้ก็ได้อีกเช่นกัน”
หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่สามารถช่วยให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม วิบากกรรม รวมไปถึงเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วไม่สามารถตกไปยังอบายได้ นั่นก็เพราะว่า เมื่อบุญถึงพร้อมแล้วจะสามารถก้าวข้ามอบายภูมิมายังสวรรคโลกหรือกลับมาเกิดยังโลกมนุษย์ได้อีกเช่นกันครับ ซึ่งหลักคำทั้งหลายขององค์พระบรมศาสดาที่ทรงได้แสดงเอาไว้ เพื่อช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากขุมนรกทั้งปวง มีดังนี้
- หลักไตรสิกขา ได้แก่ การเจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา
- หลักการครอง ฆารวาสธรรม ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
- หลักการอริยมรรค ทั้ง 8 องค์
สรุป: ตาปนรกไม่ได้มีไว้ขู่ แต่มีไว้เตือนใจ
“แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วนรกอาจจะไม่มีจริงในสายตาของหลายคนก็ตามที หากแต่นรกไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่ลงทัณฑ์สำหรับผู้กระทำความผิดบาปเท่านั้น ตามหลักของพระพุทธศาสนาที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ว่า กรรมเป็นแหล่งแห่งเผ่าพันธุ์และกรรมเป็นผู้กำเนิด นั่นย่อมเปรียบได้กับการหว่านพืชอย่างไรก็ได้ผลอย่างนั้น”
ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเป็นผู้รับผลการกระทำ กรรมของเราในปัจจุบัน และส่งผลต่อวิถีชีวิตในอนาคต ผู้เขียนแนะนำให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท แบละไม่หลงผิดไปกับกิเลส อันเป็นหนทางสู่อบายภูมิ เช่นนั้นจะดีกว่าการรอแก้กรรมในสัมปรายภพหน้า หรือการรอส่วนบุญที่จะทำให้หลุดพ้นซึ่งบ่วงกรรมในตาปนรก มหานรกเบื้องล่างที่แผดเผาสัตว์นรกอย่างไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเองครับ