บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินคำว่า ‘พุทธทำนาย’ ซึ่งคำทำนายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความน่าสะพรึงและน่าประหลาดใจแก่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังมา ทว่าน้อยคนที่จะเข้าใจเรื่องราวของพุทธทำนายอย่างถ่องแท้ บทความนี้จะมา “เปิดที่มาที่ไปเหตุใดจึงมีพุทธทำนายเกิดขึ้นมา แล้วโลกจะแตกจริงหรือไม่” ตามมาเลย
- พุทธพยากรณ์ 16 ประการมีอะไรบ้าง
- 1.โคตัวผู้หนุ่ม ๆ 4 ตัว ตั้งท่าวิ่งมาชนกันจากทิศทั้ง 4 แต่แล้วก็ถอยออกไม่ยอมชนกัน โคเหล่านั้นถอยหลีกออกไป
- 2.ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ แทรกแผ่นดินขึ้นมาได้คืบหนึ่ง ก็พลันผลิ ดอกออกผลไปตาม ๆ กัน
- 3.แม่โคตัวใหญ่พากันดื่มนมของลูกโคตัวเล็กๆ
- 4.ชนทั้งหลายไม่ใช้โคใหญ่ที่ตัวใหญ่สมบูรณ์แข็งแรง แต่กลับใช้โครุ่นที่กำลัง ฝึกใหม่ โครุ่นเหล่านั้นไม่สามารถนำพาแอกไปได้ ต่างก็พากันสลัดแอกออกยืนเฉยอยู่
- 5.ม้าตัวหนึ่งมีปากสองข้าง ชนทั้งผองให้หญ้าที่ปากทั้งสอง ม้าตัวนั้นพลันเคี้ยวกินหญ้าที่ปากทั้ง 2 ข้าง
- 6.มหาชนขัดถูถาดทองคำมูลค่าเรือนแสน ไปให้กับสุนัขจิ้งจอกแก่ ๆ ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองเหล่านั้น
- 7.บุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปที่ใกล้เท้านางสุนัขจิ้งจอก ผอมโซตัวหนึ่ง นั่งอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษหนึ่ง จิ้งจอกกัดกินเชือกนั้น โดยที่บุรุษนั้นไม่ทันรู้ตัว
- 8.ตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ประตูเมือง ล้อมด้วยตุ่มเป็น อันมาก ชนทุกชั้นเอาหม้อตักน้ำมาจากทุกสารทิศ เทลงในตุ่มที่เต็มแล้ว น้ำก็ไหลล้นออกไป คนทั้งหลายก็ยังเทน้ำลงในตุ่มที่เต็มแล้วอยู่อย่างนั้น ไม่มีผู้ใดสนใจในตุ่มที่ว่างเปล่าเอาเสียเลย
- 9.สระโบกขรณี เต็มไปด้วยดอกบัว 5 สี สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้นเป็นน้ำขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใส สะอาด ไม่ขุ่น ไม่หมองมัว
- 10.ข้าวสุกที่ถูกหุงในหม้อใบเดียวกัน แต่สุกไม่ทั่วถึง บางส่วนแฉะ บางส่วนดิบ บางส่วนสุกดีแล
- 11.ชนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์ ราคาเรือนแสน นำไปขายแลกกับนมส้มเหม็นเน่า
- 12.กะโหลกน้ำเต้าจมน้ำลงไปได้
- 13.แท่งหินทึบก้อนใหญ่ลอยน้ำได้เสมือนเรือ
- 14.ฝูงลูกเขียด วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ แล้วกัดเนื้อจนขาดเหมือนตัด ก้านบัวแล้วกลืนกิน
- 15.ฝูงพญาหงส์ทอง แวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยความชั่ว เที่ยวหากินบินตามหมู่บ้าน
- 16.ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินกันอย่างมูมมาม เสือดาว เสือโคร่งเพียงแค่เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้ง กลัว พากันวิ่งหนี และไปหลบซ่อนในป่ารก
- พุทธพยากรณ์ คืออะไร
- ชาตกัฏฐกถาคืออะไร และมีอะไรบ้าง
- สรุปโลกจะแตกจริงไหม
พุทธพยากรณ์ 16 ประการมีอะไรบ้าง
1.โคตัวผู้หนุ่ม ๆ 4 ตัว ตั้งท่าวิ่งมาชนกันจากทิศทั้ง 4 แต่แล้วก็ถอยออกไม่ยอมชนกัน โคเหล่านั้นถอยหลีกออกไป
สำหรับข้อนี้ก่อนจะปรินิพพาน องค์พระศาสดาตรัสประโยคอะไร เป็นข้อแรกที่พระพุทธเจ้าทรงทำนายไว้ว่าเมื่อครั้งที่ความดีน้อยลงและมีความชั่วมากขึ้นซึ่งเป็นระยะเวลาที่โลกกำลังเสื่อมถอยลงทำให้ผลแล้งและพืชพรรณธัญญาหารรวมไปถึงข้าวสารเกิดทุกภิกภัยมากขึ้น ทั้งยังมีกลุ่มฝนทั้ง 4 ทิศ ที่ทำท่าจะตก แต่ทว่าฝนก็ไม่ตกแล้วหายไป คล้ายกับโคที่ตั้งท่าจะชนกันแล้วแต่ไม่ชนกันฉันใดฉันนั้น
2.ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ แทรกแผ่นดินขึ้นมาได้คืบหนึ่ง ก็พลันผลิ ดอกออกผลไปตาม ๆ กัน
ข้อต่อมา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงทำนายเอาไว้ว่า เมื่อโลกเกิดความเสื่อมถอยลง มนุษย์ทั้งหลายก็จะมีอายุขัยสั้นลง ทำให้ชนทั้งหลายมีราคะที่กล้าขึ้น หากเป็นเยาวชนก็จะมีเพศสัมพันธ์กันมากขึ้นมีคันมีครอบครัวตั้งแต่วัยแรกรุ่นนั่นเอง
3.แม่โคตัวใหญ่พากันดื่มนมของลูกโคตัวเล็กๆ
ข้อที่สาม ในอนาคตประชาชนจะพากันละทิ้งความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่มีความเคารพยำเกรงนับถือพ่อแม่ ปู่ย่าตาทวด รวมไปถึงบรรพบุรุษ เมื่อหาเงินได้ก็ไม่ให้แก่บุพการีทั้งหลาย ส่วนผู้ใหญ่ต้องหาอ้อนวอนลูกหลานให้เลี้ยงตนเอง เปรียบเสมือนแม่โคใหญ่พากันไปดื่มนมลูกโคฉันใดฉันนั้น
4.ชนทั้งหลายไม่ใช้โคใหญ่ที่ตัวใหญ่สมบูรณ์แข็งแรง แต่กลับใช้โครุ่นที่กำลัง ฝึกใหม่ โครุ่นเหล่านั้นไม่สามารถนำพาแอกไปได้ ต่างก็พากันสลัดแอกออกยืนเฉยอยู่
อนาคตในเบื้องหน้า ผู้ปกครองบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม และไม่ได้แต่งตั้งผู้ใหญ่เป็นบัณฑิตที่ฉลาดในการช่วยให้ภารกิจของชาติให้ลุล่วงไปได้ ทั้งยังไม่สามารถทำภารกิจทั้งหลายให้ลุล่วงไปได้ ฉลาดในการวินิจฉัยคดีตุลาการ แต่กลับแต่งตั้งคนหนุ่ม อ่อนประสบการณ์ ไม่รู้ในสิ่งที่ไม่ควร ไม่สามารถทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้ ผู้คนอ่อนประสบการ์ณต่างก็พากันทอดทิ้งภาระทั้งหลายที่ต่างได้รับมอบหมาย ทำให้เกิดความเสื่อมแก่บ้านเมือง เสมือนกับการจับเอาโครุ่นมาฝึกมาเทียมแอก แต่ไม่สามารถเทียมนำพาเอาแอกไปได้ ไม่เอาโคใหญ่ไปเทียมแอกฉันใดฉันนั้น
5.ม้าตัวหนึ่งมีปากสองข้าง ชนทั้งผองให้หญ้าที่ปากทั้งสอง ม้าตัวนั้นพลันเคี้ยวกินหญ้าที่ปากทั้ง 2 ข้าง
ข้อห้า องค์พระสมเด็จพระบรมศาสดาทรงทำนายว่า ในอนาคตกาลจะมีผู้เป็นใหญ่มาปกครองบริหาร บ้านเมืองจะไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ซึ่งจะแต่งชนผู้ไม่หนักแน่นในธรรมไว้ในตำแหน่งคอยวินิจฉัยคดี ซึ่งคนพาลเหล่านั้นต่างไม่ละอาย ไม่เกรงกลัวบาป รับสินบนจากคู่คดีทั้งสองฝ่าย เปรียบเสมือนม้ากินหญ้าด้วยปากทั้งสองข้างฉันใดฉันนั้น
6.มหาชนขัดถูถาดทองคำมูลค่าเรือนแสน ไปให้กับสุนัขจิ้งจอกแก่ ๆ ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองเหล่านั้น
ข้อหก ในเบื้องหน้าอนาคตจะมีผู้ใหญ่เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีลและธรรม จะรังเกียจบุตรผู้มีตระกูลใหญ่ ผู้บริบูรณ์ด้วยประสบการณ์ ความรู้ และมากความสามารถ แล้วไม่แต่งตั้งยศตำแหน่งให้ ทว่ากลับแต่งตั้งให้แก่คนพาล ผู้ชั่วร้าย ทั้งหลายให้เป็นใหญ่ และเมื่อเป็นเช่นนี้ตระกูลใหญ่ทั้งหลาย ไม่อาจจะประกอบธุรกิจ เลี้ยงชีพอยู่ได้จึงพากันยกบุตรธิดาให้แก่คนพาลต่ำช้า การอยู่ร่วมของคนพาลผู้ต่ำช้ากับบุตรธิดา เปรียบเหมือนกันกับถาดทองที่ใช้รองปัสสาวะสุนัขจิ้งจอกฉันใดฉันนั้น
7.บุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปที่ใกล้เท้านางสุนัขจิ้งจอก ผอมโซตัวหนึ่ง นั่งอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษหนึ่ง จิ้งจอกกัดกินเชือกนั้น โดยที่บุรุษนั้นไม่ทันรู้ตัว
ข้อถัดไปเป็นข้อที่เจ็ด ในเบื้องหน้าอนาคต หญิงสาวจะพากันมั่วสุมส่ำส่อนกับชายหนุ่ม หญิงทั้งหลายต่างลุ่มหลงในอบายมุขทั้งหลาย เป็นคนทุศีล นางเหล่านั้นจะนำทรัพย์ของสามีที่หามาได้ ไปเสพสุรากับชายชู้ แม้ทรัพย์ที่เตรียมสำหรับลงทุนในกิจการก็จะนำไปผลาญใช้จ่ายบำเรอตน เปรียบเสมือนนางสุนัขจิ้งจอกผอมโซ ที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้ว หย่อยลงไว้ใกล้เท้า ฉันใดฉันนั้น
8.ตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ประตูเมือง ล้อมด้วยตุ่มเป็น อันมาก ชนทุกชั้นเอาหม้อตักน้ำมาจากทุกสารทิศ เทลงในตุ่มที่เต็มแล้ว น้ำก็ไหลล้นออกไป คนทั้งหลายก็ยังเทน้ำลงในตุ่มที่เต็มแล้วอยู่อย่างนั้น ไม่มีผู้ใดสนใจในตุ่มที่ว่างเปล่าเอาเสียเลย
ข้อที่แปด ในอนาคตกาลเบื้องหน้า โลกจะเสื่อมเล็กน้อย ทรัพย์สำรองของแผ่นดินจะถดถอยมีเหลือเพียงเล็กน้อย ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง จะเกณฑ์ให้ชาวเมืองแสวงหาทรัพย์มาส่งให้กับผู้ปกครองเมืองใหญ่ ๆ จนไม่มีใครสามารถที่จะสำรองทรัพย์ในบ้านเรือนตน เปรียบเสมือนการเติมน้ำที่ใส่ตุ่มที่เต็มแล้ว ไม่เหลียวแล ตุ่มเปล่า ๆ บ้างเลยฉันใดฉันนั้น
9.สระโบกขรณี เต็มไปด้วยดอกบัว 5 สี สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้นเป็นน้ำขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใส สะอาด ไม่ขุ่น ไม่หมองมัว
เบื้องหน้าอนาคต ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ศีลธรรม ลุแก่อำนาจด้วยอคติ ตัดสินคดี โดยไม่ชอบธรรม หวังแต่จะได้สินบน ทั้งยังขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชน เป็นผู้หยาบคาย กักขฬะ และเบียดเบียน ขูดรีดนาถาเร้นเอาทรัพย์สินของประชาชนในเมือง จนประชาชนต้องพากันทิ้งเมืองไปอยู่ในชนบท และสร้างถิ่นฐานในที่นั้น ในศูนย์กลางเมืองใหญ่ก็ว่างเปล่า แต่ชนบทกลับเป็นปึกแผ่นคล้ายน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งโดยรอบกลับใส่ฉันใดฉันนั้น
10.ข้าวสุกที่ถูกหุงในหม้อใบเดียวกัน แต่สุกไม่ทั่วถึง บางส่วนแฉะ บางส่วนดิบ บางส่วนสุกดีแล
ข้อที่สิบพระพุทธองค์ได้ทำนายว่า ในอนาคตเบื้องหน้า จะมีผู้เป็นใหญ่ปกครอง บริหารบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม รวมไปถึงข้าราชการ และคหบดี ก็จะลุศีล ไม่นำพาธรรมมาใส่ใจ เช่นเดียวกันกับเทวดาทั้งหลาย จึงทำให้ฝนตกไม่สม่ำเสมอ บางที่ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมข้าวกล้า เสียหาย บางที่แห้งแล้งเพราะฝนไม่ตกจนข้าวกล้า บางที่ฝนตกดีอุดมสมบูรณ์ ข้าวกล้าที่หว่านในแผ่นดินเดียวกันจะแบ่งเป็น 3 ส่วน เสมือนข้าวที่สุดอยู่ในหม้อเดียวกัน มีผลเป็นสามประการ ฉันใดฉันนั้น
11.ชนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์ ราคาเรือนแสน นำไปขายแลกกับนมส้มเหม็นเน่า
ข้อสิบเอ็ดองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำนายไว้ว่า เบื้องหน้าศาสนาของตถาคตเสื่อมโทรม เหล่าภิกษุอลัชชีจะเห็นแก่ปัจจัยมีมาก ภิกษุเหล่านั้นจะแสดงธรรม แต่จะมีบางจำพวกที่ไม่แสดงธรรมเพื่อปัจจัยสี่เท่านั้นจึงจะไม่แสดงธรรรม และมุ่งตรงพระนิพพาน ภิกษุทั้งหลายจะพากันนั่งตามสี่แยกตามท้องถนนแล้วแสดงธรรมเพื่อแลกปัจจัย และภิกษุเหล่านั้นจะเอาธรรมที่ตถาคตที่แสดงไว้ เปรียบเสมือนฝูงชนเอาแก่นจันทร์ที่มีราคาเรือนแสนไปแลกนมส้มเน่าฉันนั้น
12.กะโหลกน้ำเต้าจมน้ำลงไปได้
ข้อสิบสองในอนาคตข้างหน้า เมื่อโลกหมุนไปจนถึงยุคเสื่อม ผู้เป็นใหญ่ที่ปกครองบ้านเมือง จะไม่ตั้งมั่นในศีลและธรรม ไม่แต่งตั้งผู้บริบูรณ์ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ความรู้ความสามารถ แต่ไปแต่งตั้งให้ผู้ทุศีลให้เป็นใหญ่แทน ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายจะยากจนลง ถ้อยคำขอผู้ทุศีลจะน่าเชื่อถือทั้งในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดินทั้งที่อยู่ในสาธารณชน แม้ในที่โรงศาล ที่ประชุมสงฆ์ เมื่อเป็นเช่นนั้นเป็นเหมือนกะโหลกน้ำเต้าจะจมลงนั่นเอง
13.แท่งหินทึบก้อนใหญ่ลอยน้ำได้เสมือนเรือ
ข้อสิบสามในเบื้องหน้า จะมีผู้เป็นใหญ่ไม่ตั้งอยู่ศีลธรรม เป็นผู้ปกครองบริหารบ้านเมือง จะแต่งตั้งให้ผู้ลุศีลเป็นใหญ่ ชนพวกมีคุณทั้งหลายจะตกยาก ชนทั้งหลายจะพากันเคารพในผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ถ้อยคำของชนผู้เป็นบัณฑิตฉลาดในการวินิจฉัย จึงไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในที่ประชุมผู้ปกครองแผ่นดิน ส่วนในที่สาธารณชน ในทีตุลาการ แม้ในที่ประชุมของสงฆ์ก็เช่นกัน ถ้อยคำภิกษุผู้มีศีลจะไม่ หนักแน่นมั่นคง และไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ เปรียบเสมือนแท่งหินทึบที่ลอยน้ำได้ฉันใดฉันนั้น
14.ฝูงลูกเขียด วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ แล้วกัดเนื้อจนขาดเหมือนตัด ก้านบัวแล้วกลืนกิน
ข้อที่สิบสี่ ในอนาคตกาล เมื่อโลกเสื่อมโทรมลง ชนทั้งหลายจะมีราคะจริตแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจตามอำนาจกิเลส หลงใหลยอมตนอยู่ในอำนาจภรรยาผู้อ่อนวัย เหล่าคนรับใช้บริวาร ทรัพย์เงินทองจะอยู่ในครอบครองของเธอ เมื่อสามีถามถึงทรัพย์เงินทองว่าเก็บไว้ที่ใด ด้วยเหตุนั้นจึงถูกภรรยาด่าทอด้วยคำหยาบคาย ประดุจทิ่มแทงด้วยหยกไว้ ทั้งพวกนางเหล่านั้นจะกดขี่ ด้วยอำนาจ เสมือนสามีเป็นทาสหรือคนใช้ เพื่อคงความเป็นใหญ่ของตนเอง จึงเปรียบเสมือนฝูงลูกเขียดกัดกินงูเห่าซึ่งมีพิษร้ายฉันใดฉันนั้น
15.ฝูงพญาหงส์ทอง แวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยความชั่ว เที่ยวหากินบินตามหมู่บ้าน
ข้อถัดมาข้อที่สิบห้า ในเบื้องหน้า ผู้ปกครองบริหารบ้านเมืองจะไม่ฉลาดในกิจการทั้งปวง และจะแต่งตั้งพวกรับใช้ใกล้ชิด จะสนิทสนมให้เป้นใหญ่ ส่วนผู้ที่สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายไม่ได้รับการอุ้มชู สนับสนุนก็จะพากันไปปรนนิบัติรับใช้ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลาย เสมือนฝูงหงส์ทองแวดล้อมไปด้วยบริวารกาฉันนั้น
16.ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินกันอย่างมูมมาม เสือดาว เสือโคร่งเพียงแค่เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้ง กลัว พากันวิ่งหนี และไปหลบซ่อนในป่ารก
ข้อสุดท้าย ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ผู้บริหารบ้านเมืองที่ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม จะได้ปรึกษาเป็นคนละโมบและทุศีล ผู้เป็นใหญ่จะเชื่อฟังถ้อยคำของที่ปรึกษาเหล่านั้น แม้อยู่ในที่ประชุม ในตุลาการ พวกที่ปรึกษาต่างพากันรุกยึดที่ดิน และทรัพย์สินของปวงชนทั้งหลาย หากผู้ใดโต้เถียงก็จะถูกลงโทษ ถูกข่มขู่ ชนทั้งหลายต่างพากันต้องยอมตาม ชนทั้งหลายต้องกลับไปนอนหวาดผวาอยู่บ้านไปตาม ๆ กัน แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลายจะพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีล ตามชอบใจ ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก เมื่อถูกเบียดเบียนมากเข้า ต่างพากันไปเข้าป่า หลบซ่อนอยู่ ดุจฝูงเสือเหลือง เสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลายพากันหลบหนีฝูงแกะฉันใดฉันนั้น
พุทธพยากรณ์ คืออะไร
สำหรับ พุทธพยากรณ์ หรือพุทธทำนาย เป็นคำทำนายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตม ศาสดาของพุทธศาสนาซึ่งพระพุทธองค์ได้ทำนาย “เรื่องราวเหล่านี้จาก พระสุบินหรือนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลราชันแห่งแคว้นโกศล ซึ่งเรื่องราวพุทธพยากรณ์นี้จะกล่าวถึงความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกาล” ขันธปริตรสูตรกับพระพุทธเจ้าคืออะไรมีคำตอบ
ชาตกัฏฐกถาคืออะไร และมีอะไรบ้าง
ชาตกัฏฐกถาเป็นอรรถกาถา ซึ่งอรรกถายังเป็นแหล่งความรู้ทางพุทธศาสนาที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก โดยคัมภีร์อรรถกถาไม่จัดเป็นคำสอนของพระบรมศาสดา หากแต่เป็นคัมภีร์ที่อธิบายคำที่ยากในพระไตรปิฎกให้ง่ายขึ้นอีกด้วยครับ
“ชาตกัฏฐกถาจะประกอบไปด้วยชาดก จำนวน 547 คาถา หรือบางแห่งมีเพียง 500 คาถาเป็นต้น” โดยเนื้อความของชาตกัฏฐกถาจะมีโครงสร้าง ดังต่อไปนี้
- ปัจจุบันนวัตถุ เป็นเรื่องราวในปัจุจบัน เริ่มต้นจากพระภิกษุสนทนากับในโรงธรรมในเรื่องของบุคคล และกรรมของพวกเข่ในชาดก เมื่อองค์พระบรมศาสดาทรงทราบจึงได้เสด็จลงมาเพื่อตรัสพระธรรมเทศนา
- อดีตวัตถุเป็นเรื่องราวในอตีตา ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสถึงอดีตของบุคคลเหล่านั้น
- คาถา เป็นเรื่องราวของอดีต และปัจจุบัน
- เวยยากรณะ เป็นคำแปล คำอธิบาย ขยายความของคาถาแบบคำต่อคำ
- สโมธาน เป็นประมวลเรื่องราว หรือสรุปชื่อบุคคบในอดีตที่กลายมาเป็นชื่อบุคคลต่างๆ ในยุคปัจจุบัน รวมถึงพระพุทธองค์ด้วย
สรุปโลกจะแตกจริงไหม
นับเป็นคำทำนายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ได้ทำนายจากพระสุบินของราข้นแคว้นโกศลอย่างพระเจ้าปเสนทิโกศล ซึ่งคำทำนายเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่เป็นจริงนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่นัก หัวใจหลักที่สำคัญของการเอาตัวให้รอดในยุคเสื่อมให้ชนทั้งหลายต่างพากันรักษาศีล 5 ประกอบกรรมดี แล้วผลบุญจะเป็นเครื่องป้องกันภัยจากศัตรูหมู่มาร ภยันตรายร้าย ๆ ทั้งมวล