เมื่อครั้งที่องค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ พระองค์ได้ทรงค้นพบมหาสติปัฐฐาน 4 ซึ่งน้อยคนนักที่จะเข้าใจในหลักธรรมอย่างถ่องแท้โดยไม่มีข้อกังขา บทความนี้จะพาทุกคนมาย่อยให้ธรรมะที่ทุกคนคิดว่ายากแสนยากให้ง่ายแสนง่ายกัน ตามมาฟังกันเลยครับ
มหาสติปัฐฐาน 4 คืออะไร
มหาสติปัฐฐาน 4 เป็นฐานที่ตั้งของสติผ่านการพิจารณากาย เวทนา จิต และธรรม เพื่อให้มองเห็นความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ และขจัดความขุ่นมัวในจิตใจของเรา ดังจะยกตัวอย่างจากการพิจารณาจิตตานุปัสสนาสติปัฐฐาน ด้วยวิธีการแยกกายแยกใจออกจากกัน โดยผู้ปฏิบัติธรรมจะมองเห็นได้ว่า ในระหว่างเวลานี้กายกำลังทำอะไรอยู่ แล้วจิตของเรากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่เป็นต้น ทำให้จิตสงบ เยือกเย็น เป็นสมาธิมากขึ้น และสะอาดมากขึ้นอีกด้วย ตำนานวันประตูนรกเปิดที่น่าค้นหา!!!
เกี่ยวข้องอย่างไร ของการ เกิด ดับ
ดังเราจะเห็นได้ว่า ในขณะที่กายทำงาน จิตก็รู้ว่ากายทำงาน แต่จิตแรกไปรู้ว่าตอนนี้ทำงานอะไร พอสักระยะจิตของเราก็จะคิดว่าเมื่อไหร่จะเสร็จนะ เช่นนี้จึงเรียกว่าจิตมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลาแต่ด้วยความเร็วของจิตหากไม่ปฏิบัติธรรมตามรู้ตามดูแล้วจะทำให้เรามองไม่เห็นซึ่งการเกิดดับของจิต ทุกสรรพสิ่งในโลกก็มีสภาวะเช่นเดียวกันกับจิต การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นเรื่องของธรรมชาตินั่นเองครับ แนะนำพิกัดเวียนเทียนในวันวิสาขบูชาที่จะถึงนี้!!!
มหาสติปัฐฐาน 4 มีอะไรบ้าง
ดังนั้นแล้ว ขันธปริตรสูตร มหาสติปัฐฐานจึงประกอบไปด้วย กายานุปัสสนาสติปัฐฐาน ซึ่งเป็นวิธีการพิจารณากาย ต่อมาเป็นเวทนานุปัสสนาสติปัฐฐาน โดยจะพิจารณาเวทนา ถัดไปเป็นจิตตานุปัสสนาสติปัฐฐาน การพิจารณาแล้วซึ่งการดูจิต และสุดท้ายจะเป็นการพิจารณาจากธรรม นั้นคือธรรมนานุปัสสนาสติปัฐฐาน อีกด้วย
วิธีปฏิบัติสติปัฐฐาน 4
ในการเจริญสติปัฐฐาน 4 ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมด นั่นก็เพราะว่า วิธีการเดินทางของจิตแตกต่างกัน หากผู้ปฏิบัติถนัดด้านไหนให้ทำด้านนั้น แต่หากทำไม่ได้จึงค่อยทำด้านอื่น ซึ่งวิธีการเจริญสติปัฐฐาน 4 ในวันนี้จะพาไปตามดูจิต โดยการดูจิตไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิก็ทำได้ แต่อยากนั่งสมาธิก็ได้เช่นกัน ให้นั่งสมาธิแล้วกำหนดรู้ลมหายใจเข้า ออก หายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกก็รู้ตัวว่าหายใจออก นั่นแล้วจึงเรียกกว่าการเจริญสติปัฐฐาน 4
การเจริญสติปัฏฐาน 4 ในชีวิตประจําวัน เป็นอย่างไร
ทว่าผู้ปฏิบัติไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิ หลับตาตลอดเวลาก็ได้ เพียงแต่ให้ผู้ปฏิบัติเจริญสติรู้เท่าทันอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ในเวลานี้กายของเรากำลังทำงาน แต่จิตของเรากำลังวอกแวก ไม่สงบ และคิดฟุ้งซ่าน ก็เพียงแต่ให้เรารู้เราเห็นเฉย ๆ พอเห็นแล้วมันก็ดับไป จิตหรือความคิดใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งนั่นเองครับ
ข้อสรุปของ ความหมาย การมีชีวิตอยู่ หรือ การเกิดและดับลง
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับมหาสติปัฐฐาน 4 ที่ได้นำมาฝากกัน ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะครับ เพียงแค่เรามองเห็นตามรู้ดูกาย แยกใจ หรือเจริญสติปัฐฐานด้านอื่น ๆ ก็ได้อีกเช่นเดียวกันทำให้ได้มาซึ่งสมาธิ จิตบริสุทธิ์ และเมื่อจิตบริสุทธิ์เราจึงเกิดปัญญามองเห็นการเกิดและดับลงของจิต แน่นอนว่าทุกสรรพสิ่งก็มีสภาวะเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต นั้นคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับลงไป เรียกได้ว่าไม่มีใครหนีการเกิดดับพ้นนั่นเองครับ ทั้งมหาสติปัฐฐาน 4 คือหนี่งในความหมายของการมีชีวิตอยู่และเป็นสัจธรรมอันแท้จริงบนโลกใบกว้างนี้ครับ
