หนึ่งในเทพฮินดูที่หลายคนให้ความสำคัญนั้นเห็นจะหนีไม่พ้นพระศิวะ หรือ ที่สายมูหลายคนรู้จักท่านในนามว่ามหาเทพ บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงตำนานพระศิวะ มีกี่ปาง แต่ละปางมีความแตกต่างกันเช่นไรบ้าง ตามมาดูกัน
พระศิวะมหาเทพ คือ
พระศิวะ หรือองค์อิศวร ผู้เป็นสวามีของพระแม่ปราวตรี หรือที่เรารู้จักกันว่า องค์พระแม่อุมาเทวี และพระองค์มีโอรสเป็นพระพิฆเนศ และ พระขันธกุมาร พระศิวะยังมีพาหนะเป็นโคอุสภราช มีชื่อเรียกขานว่า โคนนทิ เชื่อกันว่า พระศิวะเป็นเทพผู้ทำลายสรรพสิ่งต้องบูชาพระศิวะด้วยใบมะตูมรวมไปถึงสิ่งชั่วร้าย จึงทำให้มีผู้คนหันมาสนใจบูชาพระองค์เป็นจำนวนมาก
พระศิวะยังมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเทพทั่วไป ๆ นั่นคือ พระศิวะเป็นรูปร่างกำยำ พระเกศาม้วนเป็นมวยผม นุ่มห่มหนังเสือ มีพระจันทร์เป็นปิ่นประดับ มีพญานาคคล้องพระศอ มีดวงตาสามดวง และมีอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงคือตรีศูลอีกด้วย
ประวัติพระศิวะ
พระศิวะยังเป็นเทพผู้ทำลายทั้งสามแดนโลกธาตุได้ ตามตำนานเชื่อกันว่าพระศิวะเกิดจากพระพรหม เทพเจ้าผู้สร้าง อยู่มาวันหนึ่ง พรหมเทพนั่งบำเพ็ญภาวนาอย่างมุ่งมั่น แต่แล้วพระองค์กลับถูกรบกวนด้วยเหงื่อ พรหมเทพจึงได้นำไม้ไปขูดที่พระขนง จนทำให้พระโลหิตไหลซึมออกมา และได้หยดลงบนกองเพลิง จึงได้เกิดเทพบุตรจุติขึ้นมาในเปลวเพลิง ทันทีที่เทพบุตรถือกำเนิดขึ้น พรหมเทพได้ประทานนามให้เทพบุตรตนนั้นถึง 8 นามได้แก่ ภพ ปศุบดี อุดรเทพ สรรพ มหาเทพ อะศะนิ อิศาล และรุทร ต่อมาพระรุทรเทพบุตรองค์นี้ได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงด้านการทำลายล้าง ผู้คนจึงนิยมบูชาพระรุทร เพราะเชื่อกันว่า พระองค์สามารถชำระสิ่งชั่วร้ายให้สะอาดบริสุทธ์ได้อีกด้วยค่ะ
พระศิวะ19ปาง
พระศิวะยังมีหลากหลายปาง คำว่าปางนั้นเกิดการที่องค์พระศิวะได้อวตารลงมายังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ทั้งหลายในวาระที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งพระองค์มีปางที่อวตารออกมาได้มากถึง 19 ปาง ดังนี้
1. พระศิวะปางประทานบุตร
ปางนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อฤาษีตนหนึ่งสวดอ้อนวอนขอพรให้มีบุตรต่อพระองค์ พระศิวะจึงทรงให้พรแก่ฤาษีตนนั้น และได้บอกกล่าวฤาษีไว้ว่า บุตรชายฤาษีจะมีอายุสั้น หลังจากฤาษีและภรรยาได้เลี้ยงดูบุตรชายจนกระทั่งอายุครบ 16 ปี แล้ว บุตรชายของฆฤาษีจึงได้บรวงสรวงองค์พระศิวะ และบูชาศิวลึงค์ เป็นเวลาที่บุตรชายฤาษีต้องถึงฆาต พระยมราชจึงได้เดินทางมารับตัวบุตรชายฤาษี เมื่อพระศิวะทอดเนตรเห็นก็ทรงพิโรธ และได้ทำการต่อสู้พระยมราช พระยมสู้ฤทธิ์พระศิวะไม่ได้จึงหนีไป จากนั้นพระศิวะประทานพรให้เด็กหนุ่มมีชีวิตเป็นอมตะ ซึ่งปางของพระศิวะนี้มีชื่อว่า ปางกาลารีมูรติ หรือปางประทานบุตร
2. พระศิวะปางอรรธนารีศวร
พระศิวะปางนี้มีรูปลักษณ์แบ่งครึ่งระหว่างพระศิวะ และพระแม่อุมาเทวี ซึ่งพระศิวะอยู่ทางด้านขวา และพระแม่อุมาเทวี อยู่ทางด้านซ้าย ตามตำนานเชื่อกันว่า พระพรหมได้รับภารกิจให้สร้างมนุษย์เพศชายเพียงคนเดียว พระพรหมได้บวงสรวงมหาเทวะ เมื่อมหาเทพมาในปางอรรธนารีศวรจึงได้ทำให้พระพรหมได้เข้าใจว่า เพศชายและเพศหญิงเป็นความอุดมสมบูรณ์และชีวิตใหม่
3. พระศิวะปางร่ายรำศิวะนาฏราช
ครั้งหนึ่งพระศิวะได้ชักชวนให้พระนารายณ์ปลอมโฉมเป็นสามี ภรรยาไปในป่าแห่งหนึ่ง เพื่อกำราบเหล่าดาบสที่ไม่ยอมบำเพ็ญตบะ และบูชาเทพอย่างถูกต้อง เมื่อโยคีหนุ่มไปเจอกับดาบสกลุ่มนั้นทำให้มาเกี้ยวพาราสีสาวงามของโยคีหนุ่ม และบรรดาเมียของดาบสจึงต่างพากันมาทอดสะพานให้โยคีหนุ่มรูปงาม ต่อมาเมื่อไม่มีใครพิชิตทั้งสองได้จึงกลายเป็นการด่าสาปแช่งโยคี และภรรยาสาวให้มีอันเป็นไปอีกด้วย ต่อมาทำให้ดาบสส่งยักษ์ร้ายชื่อมุยะละกะ พระศิวะจึงได้ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอกยักษ์เอาไว้ และร่ายรำในท่าต่าง ๆ เมื่อดาบสเห็นจึงรู้ตัวว่าได้กำลังอหังการกับมหาเทพไปเสียแล้ว จึงได้เกิดพระศิวะปางร่ายรำนาฎราชขึ้นมา
4. พระศิวะปางถวายจักรแด่พระวิษณุ ปางจักราธนมูรติ
เมื่อพระวิษณุเทพได้ทำสงครามกับอสูรบนสวรรค์จึงได้เกิดความเพลี่ยงพล้ำไม่สามารถเอาชนะฝ่ายอสูรได้ พระวิษณุได้ทำพิธีบูชาพระองค์ด้วยดอกบัว 1,000 ดอกในทุกวัน จนวันหนึ่งเมื่อหาดอกบัวไม่ได้ ท่านจึงจะควักดวงตาของตนเองไปถวายบูชาแด่องค์พระศิวะมหาเทพ พระองค์จึงประทานจักรหินอันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ให้เป็นอาวุธของพระวิษณุต่อไป
5. พระศิวะปางปราบอหังการทศกัณฑ์ ปางราวันนานูครหมูรติ
เมื่อทศกัณฑ์ทำศึกสงครามกับท้าวกุเบร ได้เสด็จผ่านเทือกเขาหิมาลัย จึงตั้งใจจะเข้าไปชมสถานที่ แต่เจอพระนนทิเกศวร มหาดเล็กของพระศิวะมหาเทพขวางทางไว้ เพราะที่นี่คือเขาไกรลาสเป็นที่ประทับของพระศิวะเทพ และ พระแม่ปราวตี ทศกัณฑ์จึงขู่และสาปแช่งให้นนทิต้องสิ้นใจด้วยน้ำมือลิง ทั้งสองจึงตั้งท่าจะต่อสู้กัน ทำให้พระแม่ปราวตีได้ทูลขอพระศิวะให้แก้สถานการณ์ พระศิวะทรงใช้เท้าเหยียบที่พื้นลงเบาๆ เพื่อให้เขาไกรลาศตั้งขึ้นดังเดิม และได้ปราบพยศอสูรจนทศกัณฑ์ยอมศิโรราบ
6. พระศิวะปางตัดเศียรที่ 5 พระพรหม ปางมหากาลไภรวะ
ตามตำนานคัมภีร์ศิวะมหาปุราณะ เคยมีครั้งหนึ่งที่พระตรีมูรติทั้งสามขัดแย้งกันเอง โดยพระนารายณ์ได้ตั้งคำถามขึ้นมาว่า ใครกันคือผู้เป็นใหญ่แห่งจักรวาล ฝ่ายพระพรหมมีความเป็นพระผู้สร้าง และพระองค์มี 5 เศียรเช่นเดียวกันกับพระศิวะมหาเทพ พระพรหมจึงได้เข้าไปรบกวนการทำงานของมหาเทพ จึงพระศิวะทนไม่ไหวถอดเล็บออกมาตัดเศียรพระพรหมจนขาด ต่อมาเล็บนั้นได้กลายร่างเป็นพระไภรวะ และถือกะโหลกพระพรหมไว้ในพระหัตถ์ พระศิวะปางนี้เรียกว่าปางมหากาลไภรวะ
7.พระศิวะปางนนทิศานุครหมูรติ
พระศิวะปางนี้เป็นปางที่ไม่มีบุตรสืบสกุล ไปขอพระเป็นเจ้า พระวิษณุเทพได้ประทานบุตรให้แก่พระศิวะ จึงได้บันดาลให้เด็กถือกำเนิดของสีข้างของพระองค์ แต่ทารกรูปนี้มีรูปร่างเหมือนพระศิวะจึงได้พระราชทานนามว่า นนทิเกศวร ต่อมา นนทิเกศวรได้ทำการทรมานร่างกายของตนเองจนพระศิวะพอพระทัยรับเอาฤาษีนนทิเกศวรขึ้นไปอยู่ด้วยกันบนเขาไกรลาศ และได้แต่งตั้งให้กลายเป็นเทพบุตรนนทิในที่สุด ตามตำนานยังกล่าวอีกว่า พระนนทิเกศวร กายเป็นคน ศีรษะเป็นวัวอีกด้วย
8. พระศิวะปางกานันทกามูรติ ปางทำลายกามเทพ
ครั้งหนึ่งที่พระนางสตีเผาร่างตนเองไปนั้น พระศิวะเสียใจมากจึงได้เข้าสู่สมาธิเป็นเวลาอันยาวนาน เมื่อพระนางมาจุติใหม่ โดยพระนางได้แบ่งภาคจากพระแม่ศักติ มาเป็นพระนางปราวตี เหล่าเทพจึงได้ให้กามเทพได้แผลงศรบุษปศร หรือศรดอกไม้ใส่พระองค์แต่พระศิวะกริ้วมากที่พระกามเทพบังอาจมาทำลายสมาธิของพระองค์ พระองค์จึงเปิดตามที่สามออก จากนั้นพระศิวะปางกานันทกามูรติได้ถือกำเนิดขึ้น
9. พระศิวะปางกิรทารชุนมูรติ (ปางประทาน ศรพรหมมาศแก่อรชุน)
เมื่อครั้งหนึ่งที่อรชุนได้ทำพิธีบูชาพระศิวะเพื่อขอประทานลูกธนูอันศักดิ์สิทธิ์ให้สามารถไปยิงอสูรได้ อรชุนได้บวงสรวงที่เขาไกรลาศ พระศิวะจึงได้ทดสอบใจอรชุน เมื่อหมูป่าพุ่งเข้าทำร้ายพราหมณ์และอรชุน พราหมณ์จึงจะยิงหมูป่าแต่อรชุนเข้าขวางไว้จะยิงหมูป่าเองเพราะเห็นก่อน ทั้งสองตัดสินเดิมพันสู้กัน ไม่ว่าอรชุนจะทำเช่นไร ก็ไม่อาจจะเอาชนะพราหมณ์หนุ่มได้เลย อรชุนตัดสินใจก้มกราบแล้วจึงได้มอบลูกธนูวิเศษ กับศรพรหมมาศให้
10. พระศิวะปางรุทราวตารหนุมาน (อวตารเป็นหนุมานมาช่วยพระรามปราบทศกัณฑ์)
ในอินเดียใต้จัดว่าปางรุทราวตารหนุมานเป็นอวตารของพระศิวะ ซึ่งปางนี้มีชื่อว่า รุทราวตารหนุมาน หรือ หนุมาน เป็นทหารองค์รักษ์ของพระรามที่ลงมาทำศึกปราบทศกัณฑ์ เจ้ากรุงลงกา ทั้งปางหนุมานนี้ยังเป็นปางที่มีชีวิตเป็นอมตะอีกด้วย
11. พระศิวะปางอวตารพระวีระภัทราวตาร
พระศิวะปางนี้ได้เกิดขึ้นหลังจากที่พระแม่สตีทรงเผาตัวเองในงานพิธียัญญะของพระทักษะปชาบดี ทำให้พระศิวะทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงได้ดึงเส้นผมออกมาแล้วโยนลงกับพื้น ปรากฏเป็นบุรุษรูปร่างกำยำ น่าตาดุดัน นามว่า วีระภัทร จากนั้นทรงได้ตัดศีรษะพระทักษะประชาบดีทิ้งเสีย และได้ทรงทำลายพิธียัญญะให้ราบคาบ
12.พระศิวะปางอวตารอัศวัตถามา แห่งมหาภารตะ
พระศิวะปางนี้มีชื่อว่าปางอวตารอัศวัตถามา เป็นพลังอวตารร่างมืดของพระศิวะ พระยม พระกาฬ พระโกรฑะ (รวมสี่พลังด้านมืด) เดิมอัศวัตถามา มีชื่อเดิมว่า เทราณี เป็นบุตรชายโทรณาจารย์ ครูสอนอาวุธแสนยิ่งใหญ่แห่งราชสำนักนครหัสตินาปุระ ในยุคมหาภารตะ อัศวัตถามาเป็นมหารถีหรือเป็นนักรบของฝั่งเการพซึ่งต้องสู้กับพี่น้องปาณฑพ อัศวัตถามาได้ร่วมทำสงครามกุรุเกษตร และได้เข้าไปสังหารทหารของฝั่งพี่น้องปาณฑพ รวมถึงใช้ ศรพรหมเศียร พยายามฆ่าบุตรในครรภ์ของนางอุตตรา ชายาของอภิมันยุ พระกฤษณะจึงใช้จักรสุทรรศนะตัดอัญมณีบนหน้าผากของอัศวัตถามาออก พร้อมกับสาปให้อัศวัตถามามีใบหน้าหน้าตาเกลียด มีเลือดไหลออกจากร่าง และจะไม่มีวันสิ้นชีพจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของโลก
13.พระศิวะปางยทินาถอวตาร
นานมาแล้วได้มีชายผู้หนึ่งอาศัยอยู่กับภรรยา ซึ่งภรรยาของเขาเป็นสาวกที่ศรัทธาพระศิวะมาก แต่ไม่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในการไหว้พระศิวะ พระศิวะจึงได้แปลงกายมาเยี่ยมพวกเขาในรูปของฤาษียทินาถ กระท่อมของสองสามีภรรยาเป็นหลังเล็ก ๆ ไม่สามารถรับรองพระศิวะที่แปลงกายมาได้ ด้วยน้ำใจไมตรี จึงตัดสินใจนอนข้างนอก และให้ภรรยาดูแลฤาษียทินาถในกระท่อม ต่อมาฝ่ายสามีก็ถูกสัตว์ป่าจับกิน ฝ่ายภรรยาก็เสียใจมากแต่ก็เต็มใจดูแลฤาษียทินาถต่อไป ต่อมาภรรยาก็ตัดสินใจกระโดดกองเพลิง แต่แล้ว ฤาษีก็ได้แปลงร่างเป็นพระศิวะที่ทั้งสองศรัทธา และได้ให้พรจากพระศิวะว่าพวกเขาจะมาเกิดใหม่และครองคู่กัน
14.พระศิวะปางยักเษศวรอวตาร
พระศิวะและพระแม่ปราวตีได้ปรากฏตัวต่อหน้าบุตรชายของฤาษีวยาการะภัทร ซึ่งท่านทั้งสองได้ปลอมมาเป็นพระอินทร์ และพระนางศจี ชายาพระอินทร์ เพื่อทดสองความภักดี โดยได้บอกให้บุตรชายของฤาษีวยาการะภัทรหยุดสวดโอม และหยุดบูชาพระศิวะ บุตรชายฤาษีวยาการะภัทรปฏิเสธออกมา ทำให้พระศิวะและพระแม่ปราวตีพอใจกับการอุทิศตน จึงได้ให้พรกับบุตรชายฤาษีว่า ท่านจะอยู่ในอาศรมของพระองค์ และพระแม่ปราวตีตลอดไป
15.พระศิวะปางอวตารพระศารภาวตาร
หลังจากพระนรสิงหาวตารได้สังหารอสูรหิรัณยกศิปุไปแล้ว แต่ความพิโรธของพระนรสิงห์ยังไม่หมดสิ้น ทำให้บ้าคลั่งขึ้นมา พระศิวะจึงได้อวตารเป็นสัตว์ประหลาด นามว่าศารภะ มีศีรษะเป็นสิงโต มีปีก ปากเป็นนก และสามารถกำราบพระนรสิงห์จนสงบลงในที่สุด
16.พระศิวะปางอวตารฤาษีพระปิปลาท (ปางปราบพระเสาร์ ตำนานกำเนิดวัชราวุธ)
ครั้งนั้นที่มีอสูรบุกสวรรค์ ชื่อว่า วริตตาสูร พระอินทร์ต้องการสังหารอสูรตนนี้จึงไปถามพระศิวะ มหาเทพเลยแนะนำให้สร้างวชิรวาวุธจากกระดูกของพระฤาษีทธีจิ พระฤาษีได้มีเมตตามอบให้ แต่เมื่อภรรยาของฤาษีตนนี้กลับมาจึงได้ทราบว่ากระดูกของฤาษีทธีจิถูกนำไปสร้างเป็นอาวุธ แล้วก็เสียใจมาก และนางกำลังตั้งครรภ์ พระศิวะจึงได้อวตารลงมาเป็นบุตรของฤาษีทธิจีนามว่าพระปิปลาท เมื่อพระฤาษีปิปลาทโตขึ้นจึงได้ทราบความจริงว่าบิดาถูกพระเสาร์กลั่นแกล้งจึงได้ขึ้นไปจัดการพระเสาร์ พระเสาร์สู้ไม่ได้จึงได้วิ่งหนีออกนอกโลกไป พระเสาร์ทราบว่าพระฤาษีปิปลาทไม่ใช่เด็กน้อยอายุ 16 ธรรมดา ๆ จึงได้ขออภัยพระฤาษีปิปลาท และยังได้ให้สัญญาว่าเด็กอายุก่อน 16 จะไม่ถูกพระเสาร์ทำร้าย พระปิปลาทจึงสงบลงแล้วยอมรับการขออภัยจากศนิเทพ เทพพระเสาร์
17.พระศิวะปางพรหมจารีอวตาร
เมื่อพระแม่สตีได้มาเกิดใหม่เป็นพระแม่ปราวตี ต่อมาพระแม่ปราวตีก็ได้บำเพ็ญเพียรด้วยการสวด โอม นะมัส ศิวายะ เพื่อให้ได้บรรลุและได้พบเจอพระศิวะมหาเทพอีกครั้ง เหล่าเทพจึงได้ไปสรรเสริญพระศิวะให้ออกจากฌาน พระศิวะจึงได้อวตารออกมาเป็นพรหมจารีอวตารเพื่อทดสอบความมุ่งมั่นของเทพธิดาปราวตีที่จะแต่งงานกับพระองค์ ด้วยการด่าพระศิวะ ทำให้พระแม่ปราวตีไม่ยอม
18. พระสทาศิวะ
อวตารต่อมาคือพระสทาศิวะ โดยคำว่าสทา แปลว่านิรันดร์ และ ศิวะ แปลว่าพระผู้เป็นมงคล พระองค์มีศักติคือพระแม่กายาตรี และมีสัตว์พาหนะเป็นละมั่งอีกด้วย ซึ่งรูปลักษณ์ของพระศิวะปางนี้จะเป็นบุรุษรูปงาม มี 5 เศียร และ 10 กร แต่ส่วนใหญ่มักจะนิยมสร้างเทวรูปคล้ายพระพรหมมีห้าเศียร
19. พระศิวะปางสุนฏนรรตกะอวตาร
สืบเนื่องจากพระนางเมนกาได้พบนักเต้นหน้าประตูเมือง จึงได้ให้นักเต้นเต้นให้ดูในท้องพระโรง ระหว่างการเต้นพระศิวะปางสุนฏนรรตกะอวตารได้เต้นท่าตารทวะ และท่าทางนาฎราชขึ้นมา เมื่อเต้นจบพระนางเมนกาจึงได้มอบสร้อยทองให้แต่พระสุนฏนรรตกะอวตาร แต่พระศิวะปางนี้ไม่รับและได้สู่ขอพระแม่ปราวตีอีกด้วย แต่ในตอนแรกพระนางเมนกาไม่ยอม พระศิวะจึงได้เหาะออกจากท้องพระโรงไปก่อน แต่ภายหลังก็ได้อภิเษกสมรสกันในที่สุด
พระศิวะปางดุร้าย
พระไภรวะ เป็นพระศิวะปางดุร้าย คนไทยรู้จักท่านในนามว่า พระพิราพ โดยพระศิวะปางนี้มีรูปกายสีดำ สวมเครื่องประดับสีแดงและเหลือง สีแดงที่คนเอามาป้ายทาต่างเลือดสังเวยเปรอะทั้งองค์ มีพระเนตรปูดโปน มีพระหัตถ์ 6 ถือดาบและอาวุธต่าง ๆ เชื่อกันว่า พระไภรวะสามารถลงโทษคนพูดเท็จให้เลือดออกจนตายได้อีกด้วย
พระศิวะปางภูเตศวร หรือ ปีศาจบดี
พระศิวะปางนี้จัดเป็นมหาเทพผู้สูงสุด ปฐมแห่งฤาษี ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจ พระศิวะปางนี้จะชอบประทับอยู่ในป่าช้าใช้พวกวิญญาณภูติ ผีสาง พราย มาเป็นบริวาร ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ ภูเตศวร แปลได้ว่า จอมบดีแห่งภูติและพราย พาหนะของภูเตศวรจะเป็นหมาดำ เชื่อกันว่าปางนี้เป็นใหญ่กว่าภูติผีปีศาจสางพรายทั้งหลาย ท่านจะคอยป้องกันสิ่งไม่ดี ทั้งยังช่วยเรื่องการงานให้ดีขึ้นได้อย่างมากเลยทีเดียว
ครอบครัวพระศิวะ
พระศิวะมีชายาเป็นพระแม่อุมาเทวี เป็นมเหสีเอก มีพระแม่คงคา และพระนางสนธยา เป็นชายา พระศิวะมีโอรส กับ พระแม่ ปราวตี เป็นพระขันธกุมาร และพระพิฆเนศ พระศิวะมีพาหนะเป็นพระนนทิ หรือโคนนทิ และมีสร้อยพระศอเป็นพญานาค พระนามว่า พญาวาสุกรีนาคราช พระศิวะมีบุตรสาวคนแรกคือพระนางอโศกสุนทรี หรือพระแม่อโศกสุนทรี ซึ่งเป็นชายาของนหุษะ และยังมีธิดากับพระแม่คงคา คือ พระนางชโยติที่เป็นเทพีแห่งการจุดประทีปทั้งปวง
สรุปผลดีของการเลือกมูพระศิวะ
ในการบูชาพระศิวะ หรือ เทพเจ้าจีน ผู้บูชาควรศึกษาประวัติของท่านรวมไปถึงวิธีการบูชาแต่ละปางอย่างถ่องแท้ ตามปกติแล้วพระศิวะจะเป็นผู้ประทานพรให้เกิดความเป็นสิริมงคลขึ้นกับตัวของผู้บูชา และยังช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกลจากผู้สวดบูชาพระนามของพระองค์อีกด้วยค่ะ แต่ทั้งนี้ผู้บูชาพระศิวะจะต้องขอพรในสิ่งที่ดีด้วยนะคะ หากเมื่อท่านประทานพรให้แล้วให้ตั้งใจทำความดีต่อไปค่ะ เพราะหากกระทำสิ่งที่ไม่ดีแล้วไซร้ พระศิวะก็สามารถทำลายล้างผู้ประพฤติตนไม่ดีได้อีกเช่นกัน