3 พระเกจิผู้เปี่ยมเมตตา ศรัทธาน่าเลื่อมใส แห่งบวรพุทธศาสนาไทย “หากกล่าวถึงพระเกจิในร่มบวรพระพุทธศาสนานั้น เห็นจะหนีไม่พ้นพระสงฆ์ผู้ทรงศีลที่ยึดมั่นถือมั่นในปฏิปทา และเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักสมณะเหล่านี้เยอะเป็นจำนวนมาก” แต่ถ้าว่ากันจริงๆแล้วยังมีคนส่วนน้อยที่รู้ลึกรู้จริงและสามารถเข้าถึงพระเกจิอาจารย์เหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ บทความนี้จึงได้นำเอาประวัติของท่านพระเกจิทั้ง 3 ใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนามาฝากทุกคนกันครับ
พระเกจิคือใคร? ความหมายและบทบาทในพระพุทธศาสนา
ตามตำรากล่าวกันว่า คำว่าเกจิหมายความถึง ผู้รู้แจ้งเห็นจริงอันเป็นสาวกขององค์พระสัมมาสัมโพธิญาณ โดยพระเกจิทั้ง 3 ของแผ่นดินไทยท่านเหล่านี้ล้วนเป็นพระสงฆ์ที่มีบทบาทสำคัญในร่มพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก พระพุทธรูปสมัยโบราณของไทย ในแต่ละยุคสมัย!! ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อต่อกันมาเท่านั้น หากแต่พระเกจิเหล่านี้ยังเปี่ยมไปดด้วยศีล สมาธิ และสติปัญญา อีกด้วยครับ
“ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่าง สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี โดยท่านได้เป็นผู้รจนา บทสวดพระคาถาชินบัญชร อันป็นบทสวดที่เป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง นั่นก็เพราะพระคาถาบทสวดชินบัญชรนี้ เมื่อแปลความหมายแล้วจะมีใจความสำคัญเป็นบทสวดที่อัญเชิญพระอรหันต์อันเป็นเอหิปภิกขุอุปสัมปทานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มาประทับยังส่วนต่าง ๆของร่างกายผู้สวด นับได้ว่าพระคาถาชินบัญชรเป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพสูงมากเลยทีเดียวครับ”
นอกจากพระเกจิเหล่านี้จะมีบทบาทในพระพุทธศาสนาแล้ว “พระสงฆ์บางรูปยังได้ยังมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างหลวงปู่ทวด สมณะที่ได้ฉายามาว่าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ต่อมาเมื่อท่านสิ้นอายุขัยแล้วได้กลายมาเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านทั้งหลายในภาคใต้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ”
คุณสมบัติของพระเกจิอาจารย์ที่น่าเลื่อมใส
ไม่เพียงแต่พระเกจิอาจารย์เหล่านี้จะมีอิทธิปาฏิหาริย์ที่น่าศรัทธาเท่านั้น “หากแต่พวกท่านยังเป็นพระอริยสงฆ์ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การถือศีลจนครบ 227 ข้อโดยไม่เกิดข้ออาบัติเลย หรือการเคร่งครัดถือพระธรรมวินัยเป็นอย่างมาก ซึ่งเกจิสมณะท่านทั้งหลาย ท่านเหล่านี้ยังมีปฏิปทา หรือ ปณิธานแห่งความยึดมั่นในการทำนุบำรุงบวรพระพุทธศาสนาอีกด้วยครับ” ทั้งนี้ พระเกจิอาจารย์ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีใจเมตตา ความกรุณา และได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมที่ไม่มีที่พึ่งให้กลายมาเป็น ผู้มีที่พึ่งพิง ได้อีกด้วยครับ
3 พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่คนไทยเลื่อมใส
1. หลวงปู่ทวด-วัดช้างให้ สมณเกจิทีได้ฉายาว่าพระโพธิสัตว์เหยียบน้ำทะเลจืด
“ประเดิมพระเกจิอาจารย์รูปแรกนั่นคือหลวงปู่ทวด หลวงปู่ทวดในวัดช้างให้นี้ ท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์รวมถึงพุทธวิทยาคม และกำลังจิตที่กล้าแกร่ง ทั้งยังตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ความดี ซึ่งด้วยการปฏิบัติภาวนาของท่านทำให้หลวงปู่ทวดได้ฉายามาว่าหลวงปู่ผู้เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวดมีมากมาย” แต่ผู้เขียนจะขอหยิบยกเรื่องงูจงอางและลูกแก้วของหลวงปู่ทวดมาเล่าต่อให้ฟัง ดังนี้.
เมื่อครั้นที่หลวงปู่ทวดยังเป็นเด็กทารก บิดามารดาได้เลี้ยงดูท่านตามปกติ พวกเขามีอาชีพเกี่ยวข้าวกลางทุ่งนาของเศรษฐีปาน วันหนึ่งบิดามารดาของท่านต้องไปทำงานจึงได้ผูกเปลผ้าไว้กับต้นมะเม่าสองต้น เมื่อถึงเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูกจึงได้เดินมาทีเปลตามปกติ แต่แล้วนางจันทร์ต้องตกใจมากเมื่อพบว่างูบองหลาเลื้อยมาพันรอบเปลเอาไว้ นางจันทร์จึงไปเรียกบิดานายหูมาช่วยไล่งูจงอางออกไปจนในที่สุดงูบองหลาก็เลื้อยออกไปได้ แต่แล้วสิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อที่ตัวของทารกน้อยมีเมือกบองหลาอยู่ และต่อมาเมือกของงูจงอางได้กลายเป็นลูกแก้วนั่นเองครับ
2. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม สมณะเพศบรรพชิตผู้ทรงอภิญญาญาณ
ถัดมาเป็น หลวงปู่ชอบ หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่ทรงอภิญญาญาณ ว่ากันว่าหลวงปู่ชอบท่านได้รับอภิญญา
6 ประการ ดังนี้
- ทิพย์โสต การมีหูทิพย์
- เจโตปริยญาณ การกำหนดรู้ใจอื่น
- ทิพย์จักขุ การมีตาทิพย์
- การระลึกชาติ บุพเพนิวาสานุสติญาณ
- การรู้จักทำอาสวะให้หมดไป อาสวักขยญาณ
- การแสดงฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์วิธี
“หลวงปู่ชอบท่านยังชอบเดินธุดงค์ในเวลากลางคืน ทำให้หลวงปู่ชอบท่านได้พบกับเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ ในเวลานั้นเองหลวงปู่ชอบท่านจึงนั่งสมาธิ กำหนดจิตเมตตา ภาวนาแผ่เข้าในฐานของจิตเพื่อปล่อยวางสิ่งของทั้งปวง แต่เมื่อหลวงปู่ชอบท่านลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่าเสือสองตัวนั้นได้อันตรธานหายไปเสียแล้วครับ”
3. หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สมณะผู้วางรากฐานกรรมฐานวัดป่า
และสุดท้ายหากไม่กล่าวถึงหลวงปู่รูปนี้เห็นทีจะไม่ได้ เพราะหลวงปู่มั่นเป็นหนึ่งในสมณะผู้วางฐานรากและยึดมั่นปฏิปทาในการธุดงค์อย่างมาก ซึ่งปฏิปทาทั้ง 7 ประการนี้เป็นสิ่งที่หลวงปู่มั่นได้ยึดมั่นถือมั่นมาตลอดชีวิตของท่านใต้ร่มกาสาวพักตร์ของพระบรมโพธิสมภารองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันมีดังต่อไปนี้
- การนุ่งผ้าห่มผ้าบังสุกุล หรือปังสุกุลิกังคธุดงค์
- การออกบิณฑบาตเป็นภิกขาจารวัตร ตามภาษาบาลีเรียกว่า ปิณฑปาติกังคธุดงค์
- การฉันในบาตร ใช้ภาชนะใบเดียว หรือเอกปัตติกังคธุดงค์
- การฉันเพียงหนเดียวเป็นนิตย์ หรือเอกาสนิกังคธุดงค์
- การลงมือฉันแล้วไม่ยอมรับฉันเพิ่มอีก หรือขลุปัจฉาภัตติกังคธุดงค์
- การใช้ผ้าไตรจีวรจำนวน 3 ผืน หรือเตจีวริตังคธุดงค์
“นอกจากหลวงปู่มั่นจะชอบออกธุดงค์แล้ว ท่านยังเป็นพระวัดป่าที่แตกฉานใน 4 ประการ ไม่ว่าจะเป็นการแตกฉานในอรรถหรือ อัตถปฏิสัมภิทา การแตกฉานในธรรมหรือธรรมปฏิสัมภิทา และการแตกฉานในภาษาหรือนิรุตติปฏิสัมภิทา รวมไปถึงการแตกฉานในปฏิภาณ หรือแตกฉานในปฏิภาณ อีกด้วยครับ”
บทสรุป: พระเกจิคือแสงนำทางแห่งศรัทธา
ไม่เพียงแต่พระเกจิจะเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ และอภิญญาเท่านั้น พระเกจิอาจารย์หลายรูปยังจัดว่าเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเป็นผู้ตั้งมั่น ยึดมั่น และถือมั่นในปฏิปทาของท่านเองตราบจนพระเกจิอาจารย์เหล่านั้นสิ้นอายุขัย และก้าวเข้าสู่พระนิพพานนั่นเองครับ “แต่ไม่ว่าพระเกจิอาจารย์เหล่านี้จะก้าวเข้าสู่พระนิพพานได้หรือไม่ พวกท่านทั้งหลายก็นับได้ว่าทำนุบำรุงพระศาสนา และได้อยู่เผยแผ่คำสอนขององค์พระสัมมาในทุกลมหายใจของท่าน ทั้งพระเกจิอาจารย์เหล่านี้ยังเป็นศูนย์รวมใจ ที่พึ่งพึงยามยากของผู้ที่ศรัทธา และเลื่อมใสในบวรพระศาสนาอีกด้วยครับ”
ในส่วนฆราวาสธรรมทั้งหลายที่นับถือพระเกจิอาจารย์เหล่านี้ ควรเป็นผู้หมั่นเติมเสบียงบุญอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล หรือภาวนา และลงมือประกอบกรรมดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ เช่นนี้จึงจะเข้าถึงแก่นแท้จริงในปฏิปทาของพุทธศาสนานั่นเองครับ