หลังจากมหากาพย์ซีรีย์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘พิฆเนศ ศึกมหาเทพอวตาร’ ได้จบลงไปแล้ว หลายคนจะเห็นตัวละครเด่นอย่างพระแม่กาลี เทวีซึ่งเป็นศักติที่มีอำนาจสูงสุดได้มีรูปอวตารทั้ง 10 ออกมาให้ได้เห็นกันอย่างน่าฉงน แต่ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักมหาวิทยาของพระแม่กาลี บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ทศมหาวิทยาให้มากขึ้น มาเจาะลึกกันเลยค่ะ
ประวัติ พระแม่กาลี
พระแม่กาลี หรือที่รู้จักกันว่า เจ้าแม่กาลี ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งในพระแม่อุมาเทวี พระแม่กาลีมีพระพักตร์ดุร้ายน่ากลัว มีรูปกายสีดำสนิท แลบลิ้นสีแดงยาว บริเวณขอบปากมีโลหิตสีแดงฉานเป็นหยดเกาะพราวอยู่ มีสิบกร และทุกกรมีศาสตราอาวุธครบครัน สวมสังวาลย์เป็นหัวกะโหลกศีรษะนับร้อยหัว ดูน่าเกรงขามที่สุดเลยทีเดียวค่ะ
พระแม่กาลีเป็นมหาเทวีที่สามารถกำหราบปราบมารร้ายและอสูรชั่วโฉดได้ จึงดป็นที่หวากหวั่นของเหล่าอสูรอย่างมาก เพราะเมื่อใดมีพระองค์เมื่อนั่นจะปรากฎร่างของอสูรโฉดนั่นเองค่ะ
พระแม่กาลี บทสวด
สำหรับบทสวดของพระแม่กาลีจะต้องท่องบทสวดพระแม่กาลี ดังต่อไปนี้
“โอม ศรี มหา กาลิกาไย นะมะห์”
บทสวดพระแม่กาลี
โดยจะต้องสวดบทบูชาให้ครบ 3 ครั้ง หรือ 3 จบ
พระแม่กาลี ขอพรเรื่องอะไร
ในการบูชาพระแม่กาลี แตกต่างจากบูชาพระศิวะหรือไม่นั้น เชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องจากคุณไสย และวิญญาณชั่วร้าย ไสยอวิชชามนต์ดำ ว่ากันว่าพระแม่กาลียังสามารถขจัดความชั่วร้าย ปัญหา อุปสรรคนานานัปการได้ และช่วยฟื้นตัวจากความเจ็บป่วยได้อีกด้วย
พระแม่กาลี ของไหว้
หลังจากทำความสะอาดบริเวณพื้นที่บูชาเทวรูปของพระแม่กาลีแล้ว เราจะมีเตรียมของไหว้ให้พระมาตากาลีกัน โดยจะต้องเตรียมของไหว้ ดังต่อไปนี้
- ข้าวสาร
- น้ำแร่
- เกลือ
- ดอกไม้สีแดง หรือดอกชบา
- ธูป
- ชามใส่ข้าวสาร
พระแม่กาลี วิธีการถวายมะนาว
ของถวายเทพเจ้าฮินดูอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือถวายมะนาว 9 ลูกให้กับพระมาตากาลี เพราะชาวฮินดูมักเชื่อกันว่า การถวายมะนาวจะทำให้รอดพ้นจากสิ่งอวมงคล สามาถขจัดความชั่วร้าย ไสยอวิชชาวิชามนต์ดำได้อีกด้วย
พระแม่ทศมหาวิทยา พระเทวี ศาสนาฮินดูแบบ Tantra 10 พระองค์ คืออะไร
คำว่า ‘ทศ’ หมายความถึง 10 และ ‘มหาวิทยา’ แปลความหมายว่า ความรู้อันยิ่งใหญ่ ในศาสนาฮินดูแบบตันตระจะแปลความหมายได้ว่า พระแม่ผู้ทรงมีปัญญาความรู้อันยิ่งใหญ่ ซึ่งมหาวิทยาทั้ง 10 นี้ ยังเป็นรูปอวตารของพระแม่ปารวตี โดยพระมาตาได้แบ่งอวตารออกมาเพื่อรักษาสมดุลพลังของโลกและจักรวาลนั่นเองค่ะ บทความนี้ยังได้นำปางรูปอวตารของทศมหาวิทยามาฝากกัน ตามมาดูกันเลย
พระแม่ทศวิทยาทั้ง 10 รูปอวตารของพระแม่ปารวตี
1. กาลี
เริ่มต้นที่รูปอวตารแรกเลยนั้นเห็นจะเป็นพระแม่กาลี ตำนานการกำเนิดของพระแม่กาลีเริ่มมาจากในอดีตได้มีอสูรร้ายมีนามว่า มาธู มันเป็นอสูรที่มีจิตใจโหดเหี้ยมชั่วร้ายอย่างมาก พระแม่กาลีจึงได้ไปทำการบำเพ็ญตบะ และ ได้ขอพรพระศิวะให้พระนางสามารถเอาชนะมารอสูรร้ายตนนั้นได้ พระแม่อุมาเทวีจึงอวตารมาเป็นพระแม่กาลี พระแม่กาลีจึงได้กลายเป็นเทวีแห่งการทำลายล้าง และสามารถควบคุมกาลเวลาได้อีกด้วย
2. ตารา
ถัดมาเป็นรูปอวตารของพระแม่ตารา ชาวฮินดูมักบูชาเทวีพระองค์นี้เพื่อชี้แนะทางสว่างให้กับตนเอง โดยชาวฮินดูจะใช้วิธีการนั่งสมาธิ พระแม่ตาราจะช่วยเหลือสาวกของพระองค์จากเสียงภาวนาให้ปราศจากไร้ซึ่งความหวาดกลัวจากอุปสรรคนานาและอันตรายทั้งปวง พระแม่ตารามีรูปกายสีน้ำเงินอ่อน พระเกศายุ่งเหยิง บนมงกุฎของพระแม่ประดับด้วยพระจันทร์เสี้ยว มีงูคล้องที่พระศอ พระองค์นุ่งหนังเสือและพวงมาลัยที่ทำมาจากกะโหลก
3. โสฑศี
พระแม่โสฑศีเป็นหนึ่งในเทวีผู้มีความงดงามอย่างมากของโลก นับได้ว่าในสามโลกหาใครเปรียบเทียบเทวีองค์นี้ไม่ได้เลย พระแม่โสฑศียังเป็นผู้ปกครอง ณ มณีทวีป รูปกายของพระมาตาโสฑศีมีรูปสีทองอร่ามตา พระนางมีสามเนตร สวมอาภรณ์สีชมพูและแดง ทั้งยังประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับ ดูสวยงดงามอีกด้วย
4. ภูวเนศวรี
พระมาตาภูเวนเศวรี หรือ พระเทวีผู้เป็นใหญ่เหนือโลก ซึ่งพระนามของพระนางมาจากคำว่าอิศวรี แปลความหมายว่า ผู้เป็นใหญ่ และคำว่า วน ที่หมายความถึงโลก อีกด้วย ตามความเชื่อของคนฮินดูยังเชื่อกันว่า ทั่วทั้งจักรวาลคือร่างกายของพระนาง และพระนางถือจักรวาลประดุจถือดอกไม้หอม ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อกันว่า อำนาจของพระเทวีภูวเนศวรีจึงยิ่งใหญ่เหนือตรีเทพ และเทพนวนพเคราะห์ทั้ง 9 องค์
5. ไภรวี
พระแม่ไภรวีเป็นรูปอวตารที่มักปรากฏคู่กันกับพระไภรวะ ผู้เป็นเทพแห่งความดุร้าย และเป็นสวามีของพระนาง พระมาตาไภรวียังมีพระนามว่า ตรีปุราไภระวี แปลความหมายถึง การตื่น การฝัน และการหลับใหลสนิท ในอินเดียใต้มักพบเห็นเทวรูปของพระแม่ไภรวีมีรูปกายสีแดง พระนางมีสามพระเนตร และมี 4 พระกรประทับบนดอกบัว แต่ในบางปางของพระมาตามักปรากฎรูปพระนางทรงถือดาบ และถ้วยบรรจุเลือด อีกด้วย
6. ฉินนมัสตา
ภายหลังจากการสู้รบของพระแม่พร้อมอสูรี ทำให้อสูรทั้งสอง ชยา และวิชยาหิวโหยเป็นอย่างมาก และรวมไปถึงบริวารอสูรของพวกนางด้วยเช่นกัน ทำให้พระแม่ทรงตัดสินใจตัดพระเศียรของตนเองเพื่อมอบเลือดให้แก่สาวกผู้ภักดีต่อพระองค์ ด้วยเหตุนี้จึงได้ถือกำเนิดพระแม่ฉินนมัสตาขึ้นมา ตามศาสนาฮินดูยังเชื่อต่อกันว่าพระมาตาฉินนมัสตานับเป็นแหล่งพลังของอิตถีสตรีเพศทั้งปวง และเทวีองค์นี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นเทวีแห่งความฉลาดและความรอบรู้อีกด้วย
7. ธูมาวตี
รูปอวตาร ‘ธูมาวตี’ มีลักษณะเป็นสตรีหม้าย ผิวพรรณเหี่ยวย่น รูปกายสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากแห้ง ผมเผ้าดูยุ่งเหยิง ดวงเนตรของธูมาวตีมีสีแดง สวมอาภรณ์สีขาวประทับในราชรถไร้อาชาไนย เชื่อกันว่า รูปอวตารปางนี้ของพระแม่กาลีอย่างธูมาวตีเป็นเทวีอับโชค ทรงเป็นเทวีแห่งความสูญเสีย ความสิ้นหวัง ทั้งยังเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของความมรณะอีกด้วย
8. พคลามุขี
ภายหลังจากพระขันธกุมารไม่พอพระทัยพระคเณศ จากการท้าประลองของตนเองทำให้พระองค์หนีออกไปจากไกรลาส ซึ่งในระหว่างนั้นเองอันธกะ ที่ริษยาพระองค์ได้ยุยงให้นาทสูรไปทำลายไกรลาสเสีย จนพระแม่ปารวตีต้องอวตารเป็นรูปพระแม่พคลามุขีลงมากำหราบและยุติหายนะของไกรลาสในครานี้ เทวีพคลามุขีจะมีลักษณะเด่นคือทรงมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่ที่กลางหน้าผาก มีพระเนตรสามดวง สวมอาภรณ์สีเหลือง ประดับด้วยอัญมณีสีทองและดอกไม้สีเหลือง และพระนางมีอาวุธเป็นไม้ตะบองเพื่อใช้ปราบอสูรชั่วอีกด้วย
9. มาตังคี
เมื่อครั้งที่ฤาษีทุรวาสได้เดินทางมายังไกรลาสซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทวยเทพกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลโฮลี แต่ทว่าฤาษีทุรวาสกลับไม่ได้รับความสนใจเลย ด้วยเหตุนี้เองฤาษีทุรวาสไดเสาปให้พระศิวะและพระแม่ปารวตีได้ไปอยู่ในที่สันโดษทำให้เกิดรูปวตารของมาตัง และมาตังคีอาศัยอยู่ในป่าช้านั่นเองค่ะ
10.กมลา
ชาวฮินดูเชื่อกันว่าพระแม่กมลาก็คือพระแม่ลักษมี นั่นก็เพราะว่าพระแม่กมลามีรูปลักษณ์เหมือนพระแม่ลักษมีทุกประการยกเว้นบริวารของพระแม่กมลาเทวีพระองค์นี้จะเป็นช้าง 4 เชือกทำให้พระนางถูกคนฮินดูเรียกขานพระนางว่า พระลักษมีภาคตันตระ ซึ่งเชื่อกันว่าพระแม่กมลาจะประทานพรให้อย่างรวดเร็วต่อสาวกผู้ภักดีในพระองค์
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับทศมหาวิทยาทีได้นำมาฝากกัน นับได้ว่าพระแม่ปารวตีมีอวตารทั้งหมดมากกว่า 21 รูปอวตารเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เองพระแม่ปารวตีจึงถูกเรียกขานว่าจอมมารดาแห่งทุกจักรวาลอีกด้วยค่ะ เชื่อกันว่าหากผู้ใดมีศรัทธาต่อพระองค์และหากผู้นั้นทำแต่ความดี จะทำให้เข้าถึงพระแม่ได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียวค่ะ