พระจันทร์จัดเป็นเทพนวนพเคราะห์องค์หนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในฝั่งทางเทพไทย ทว่าเรื่องราวของพระจันทร์ยังปรากฎไม่หลากหลายมากเท่าไหร่นัก บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักตำนานเทพพระจันทร์ มูยังไงให้ปังสุด ๆ ตามมาอ่านกันเลย
ตำนานเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์
แต่เดิมคติความเชื่อของไทยเชื่อกันว่าพระจันทร์มีอีกพระนามเรียกว่า ‘จันทรเทพ’ ซึ่งจันทรเทพเกิดมาจากพระอิศวรที่นำนางอัปสรทั้งสิบสี่องค์ไปบดเป็นผง จากนั้นพระองค์นำไปห่อสีขาวนวลสะอาดตา แล้วจึงประพรมด้วยน้ำอมฤต จากนั้นองค์พระศิวะมหาเทพก็เสกออกมาให้เป็นจันทรเทพนั่นเองครับ
“รูปลักษณ์ของจันทรเทพเจ้าจีนจะมีลักษณะเป็นบุรุษ วรกายสีขาวนวล ทรงดอกบัว และพระขรรค์เป็นอาวุธ เทพบุตรจันทรเทพมีเครื่องประดับเป็นมงกุฎทรงน้ำเต้า ประดับวรองค์ด้วยเครื่องเงิน และไข่มุกเปล่งประกายตระการตา และทรงมีอาชาไนยเป็นพาหนะ จันทรเทพบุตรมีทิศประจำเป็นทิศตะวันออก” อีกด้วยครับ
ตำนานวันไหว้พระจันทร์
ข้ามฟากมาทางจีนกันบ้างดีกว่ากับเทพธิดาดวงจันทร์ผู้ซึ่งมีความงามน่าเย้ายวนใจอย่างเทพธิดาฉางเอ๋อ ว่ากันว่าเทพธิดาฉางเอ๋อเป็นคนรักโฮวอี้ บุรุษนักแม่นธนูแห่งสรวงสรรค์ อยู่มาวันหนึ่ง โฮวอี้ คนรักของเทพธิดาฉางเอ๋อได้ยิงคันศรไปโดนดวงอาทิตย์ตกไปจนถึง 9 ดวงซึ่งแต่เดิมสรวงสรรค์เคยมีดวงอาทิตย์ทั้งหมด 10 ดวง
การกระทำของโฮวอี้ในครั้งนี้นับว่าฝ่าฝืนกฎสวรรค์ ดังนั้นสวรรค์จึงมีบัญชาส่งให้โฮวอี้ และคนรักอย่างเทพธิดาฉางเอ๋อไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์โลกทั่วไป ทว่าโฮวอี้กลับถูกคนสนิททรยศหักหลังสังหารเขาจนตาย ด้านเทพธิดาฉางเอ๋อ นางได้ดื่มน้ำอมฤตเพื่อที่จะมีชีวิตอมตะอีกครั้ง จากนั้นเทพธิดาฉางเอ๋อก็เหาะกลับไปดวงจันทร์ตามเดิมด้วยความโศกเศร้าเสียใจอีกด้วยครับ
ต่อมาเกิดโรคระบาดในมหานครปักกิ่ง ทำให้เทพธิดาฉางเอ๋อ ที่อยู่บนดวงจันทร์เห็นแล้วรู้สึกเศร้าเสียใจยิ่งนัก นางจึงได้ส่งกระต่ายหยกที่อาศัยอยู่ดวงจันทร์ ซึ่งแต่เดิมเคยตำยามารักษาชาวบ้านที่เมืองปักกิ่ง ชาวบ้านในเมืองรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากจึงอยากตอบแทน แต่ทว่ากระต่ายหยกปฏิเสธ เมื่อกระต่ายหยกรักษาชาวบ้านสำเร็จจึงเหาะกลับขึ้นไปยังดวงจันทร์อีกครั้ง และนับแต่นั้นเป็นต้นมา “ชาวจีนจึงนิยมไหว้พระจันทร์ หรือเทพธิดาฉางเอ๋อไปพร้อมกันกับกระต่ายหยก และได้เกิดเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ขึ้นมา” นั่นเองครับ
พิธีกรรม
ในการบูชาไหว้พระจันทร์ หัวใจสำคัญเลยคือต้องมีของไหว้ โดยของถวายพระจันทร์จะมี ดังนี้
- ผลไม้มงคล ซึ่งจะต้องมีทั้งชื่อและความหมายที่ดีจำนวน 4 อย่าง ได้แก่ ทับทิม ส้ม ส้มโอ และสาลี่
- ของแห้งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเป็นอาหารเจ หรืออาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ โดยจะมีจำนวน 4 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น เห็ดหอมจีน เห็ดหูหนูจีน ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น
ขนมหวานจำเป็นอย่างยิ่งต้องเป็นขนมไหว้พระจันทร์ ขนมสาคูแดง จำนวน 4 ถ้วย ขนมโก๋ และขนมเปี๊ยะ - ของใช้สตรี ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย และน้ำหอม
- กระดาษไหว้พระจันทร์ กระดาษทอง กระดาษเงิน
- โคมไฟ ชาวจีนเชื่อกันว่าจะมีชีวิตที่สว่างไสว
- ต้นอ้อย จำนวน 1 คู่
ความเชื่อในการมู พระจันทร์ ขอพรอะไรดี
สำหรับในการขอพรพระจันทร์นั้น สามารถขอพรพระจันทร์ในเรื่อง ความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ ความรัก “แต่ที่นิยมกระทำกันที่สุดในการขอพรพระจันทร์นั้นเห็นจะหนีไม่พ้นการขอเงินพระจันทร์” นั่นเองครับ
มูพระจันทร์ อย่างไรให้ถูกวิธี
สำหรับการมูเตลูขอเงินพระจันทร์ จะมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้
- ให้เตรียมทำความสะอาดกระเป๋าเงิน โดยจัดเตรียมธนบัตร เลขมงคลไว้ในกระเป๋าสตางค์
- แนะนำให้งดใช้เงินในกระเป๋าที่ต้องการจะขอพร ในระยะเวลา 1 วัน
- จุดธูป 15 ดอก เทียนจำนวน 2 เล่ม และเตรียมดอกไม้ หรือพวงมาลัย
- ให้ตั้งจิตบริสุทธิ์ ให้มีสมาธิมากที่สุด แล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากนั้นจึงขอพรกลางแจ้ง
- ถัดจากนั้นให้สวดคาถาขอเงินพระจันทร์ ซึ่งสามารถสวดได้ว่า นะโม 3 จบ “โอมจันทร์โสมา เทวา นะมะฮา”
- แล้วปิดจบด้วยคาถามหาลาภ (ให้ท่องจำนวน 3 จบ) โดยกล่าวว่า “นะมามีมา มะหาลาภา อิติพุทธัสสะ สุวัณณังวา ระชะตังวา มะณีวา ธะนังวา พีชังวา อัตถังวา ปัตถังวา เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง” เป็นอันเสร็จพิธีกรรม แนะนำว่าหลังจากการขอพรให้งดใช้เงินในกระเป๋าจนกว่าจะถึงเช้าของวันถัดไป
สรุป
ดังจะเห็นได้ว่า คติความเชื่อพระจันทร์ไม่ได้มีเพียงแค่เทพทางฝั่งไทยเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปยังจีน รวมไปถึงศาสนาฮินดูอีกด้วย ซึ่งพระจันทร์ในศาสนาฮินดูยังมีผู้นับถือเทพพระจันทร์อย่างแพร่หลายในฐานะเทพนพเคราะห์ นั่นเองครับ